หลักการศรัทธาในอิสลาม มี 6 ประการ
รูกุ่นอีหม่าน
1. ศรัทธา ใน
พระเจ้าองค์เดียว คือ อัลลอฮฺ (ไม่ใช่ พระอ้าหล่า)
* *อิสลามถือว่า ในสากลจักรวาลทั้งหลายมี พระเจ้าที่เที่ยงแท้ เพียงองค์เดียว
* * เป็นผู้สร้างสากลจักรวาลและ เป็นผู้บริหารควบคุม
* * โลกนี้มิใช่เกิดมาด้วยความบังเอิญ ถ้าเกิดมาโดยบังเอิญ มันจะมีระบบระเบียบแบบแผน
* * ในการโคจรไม่ได้ โลก ดวงอาทิตย์ และ ดวง จันทร์ ได้หมุนโคจรอย่างมีระบบ
* * รักษาตำแหน่งหน้าที่ของมัน อย่างคงเส้น คงวา นับเป็นเวลานานไม่รู้กี่ล้านปี
* * โดยที่มันไม่เคยชนกันเลย นี่ต้องแสดงว่ามีผูู้บริหาร และ ต้องมีผู้ควบคุมมัน
* *อิสลามถือว่า ในสากลจักรวาลทั้งหลายมี พระเจ้าที่เที่ยงแท้ เพียงองค์เดียว
* * เป็นผู้สร้างสากลจักรวาลและ เป็นผู้บริหารควบคุม
* * โลกนี้มิใช่เกิดมาด้วยความบังเอิญ ถ้าเกิดมาโดยบังเอิญ มันจะมีระบบระเบียบแบบแผน
* * ในการโคจรไม่ได้ โลก ดวงอาทิตย์ และ ดวง จันทร์ ได้หมุนโคจรอย่างมีระบบ
* * รักษาตำแหน่งหน้าที่ของมัน อย่างคงเส้น คงวา นับเป็นเวลานานไม่รู้กี่ล้านปี
* * โดยที่มันไม่เคยชนกันเลย นี่ต้องแสดงว่ามีผูู้บริหาร และ ต้องมีผู้ควบคุมมัน
* 2. ศรัทธาใน บรรดา มลาอิกะฮฺ ของ พระองค์
* * มลาอิกะฮฺ คือ ผู้ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่าง พระผู้เป็นเจ้า กับ ศาสดา ทั้งหลาย
* * เพื่อจะได้ให้ ศาสดาดังกล่าวได้รับ วิวรณ์จากอัลลอฮฺ
* *มนุษย์เราแม้จะมีปัญญาสักปานใดก็ตาม ก็ต้องอาศัยสื่อภายนอกด้วยเหมือนกัน
* * เช่น มนุษย์นั้น แม้จะมีสายตาดีสักเพียงใดก็ตาม เขาก็ไม่สามารถมองเห็นวัตถุใดๆ ได้เลย
* * ถ้าหากไม่มีแสงสว่างเป็นสื่อ
* * คำว่า มลาอิกะฮฺ หาคำศัพท์แปลเป็นภาษาไทยไม่ได้
* *มลาอิกะฮฺ เป็นนามธรรม ไม่ใช่ เทวฑูต เทาวดา หรือ ฑูตสวรรค์
* *แต่ในศาสนาอิสลาม ถือว่า มลาอิกะฮฺ ไม่มีเพศ ไม่ขัดขืนคำสั่งของอัลลลอฮฺ
* *ไม่กิน ไม่ดื่ม ไม่หลับ ไม่นอน
* *มลาอิกะฮฺ คือ อำนาจแห่งความดี
* *ส่วนอำนาจแห่งความชั่วนั้น คือ ชัยฎอน หรือ ซาตาน หรือ มาร นั่นเอง
* *ดังนั้น มลาอิกะฮฺ จึงไม่ใช่ เทวดา และ นางฟ้า
3. ศรัทธา ใน บรรดา คัมภีร์ ทั้งหลายของพระองค์
* *มุสลิม ต้องเชื่อถือ ต้นฉบับดั้งเดิมของ คัมภีร์ทั้งหลายทุกๆเล่มในอดีตรวมทั้งอัลกุรอานด้วย
* ทั้งนี้โดยมีเงื่อนไขว่า คัมภีร์เหล่านั้นต้องเป็น วะหฺยู (ได้รับการดลใจ) มาจากอัลลอฮฺ
* *และ ต้องมีเนื้อหาสาระตรงกับอัลกุรอาน
* *มุสลิมต้องเชื่อถือ ในส่วนบริสุทธิของคัมภีร์เท่านั้น
* *อิสลามถือว่า คัมภีร์ที่สมบูรณ์ที่สุด และ เป็นคัมภีร์สุดท้ายคือ อัลกุรอาน
* *ซึ่งได้ถูกประกาศใช้ต่อมวลมนุษย์ชาติทั้งหลาย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม
* *และ ความสันติสุข แก่มวลมนุษย์ทุกคน
4. ศรัทธาในบรรดานบี (ศาสดา) ทั้งหลาย
* *มุสลิมทุกคน ต้องยอมรับนับถือศาสดาทั้งหลายที่มาเทศนาก่อน
* *นบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม
* *ไม่ว่าศาสดาเหล่านั้นจะปรากฎชื่ออยู่ใน คัมภีร์อัลกุรอานหรือไม่ก็ตาม
* *ไม่ว่า ศาสดาเหล่านั้น จะเป็นชนชาติใด อยู่ที่ไหน พูดภาษาอะไร ก็ตาม
* *มุสลิม ต้องให้เกียรติ ยกย่อง ศาสดาเหล่านั้น อย่างเท่าเทียมกันหมด
* *นบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม เป็นศาสดาสุดท้ายของโลก
* *ที่มารับภารกิจต่อจาก ศาสดาก่อนๆ ที่เชิญชวนมนุษย์ให้รู้จักพระเจ้า และ
* *ดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระองค์
* *ท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวว่า
* *หลังจากท่านแล้วจะไม่มีศาสดาเกิดขึ้นมาอีก เพราะถือว่า ท่านได้นำคำสอน
* หรือ แนวทางแห่งการดำเนินชีวิตที่สมบูรณ์มาสู่มนุษย์ชาติแล้ว
5. ศรัทธาในวันสุดท้าย และ การเกิดใหม่ ใน วันปรโลก
* *อิสลาม ถือ ว่า โลกที่เราอาศัยอยู่นี้ เป็นเพียงวัตถุธาตุชิ้นหนึ่ง ซึ่งต้องมีการแตกสลาย
* *เหมือนๆกับวัตถุหรือสิ่งอื่นๆ แน่นอนโลกของเรา ต้องถึงจุดจบไม่วันใดก็วันหนึ่ง
* *เมื่อโลกแตกสลายแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็ดับสิ้น เว้นแต่ อัลลอฮฺเท่านั้น
* *ที่ยังดำรงอยู่ และมนุษย์ทั้งหลาย ก็จะไปฟื้นคืนชีพใหม่อีกครั้งในโลกหน้า
* *แต่จะไปเกิดในสภาพใดนั้นไม่มีมนุษย์ผู้ใดรู้ได้
* *การฟื้นขึ้นใหม่อีกในครั้งนี้ ก็เพื่อที่จะให้มนุษย์รับผลตอบแทนตามที่เขาได้กระทำไว
้ * *เมื่อครั้งที่เขา ยังมีชีวิตอยู่ ผลงานของเขาในโลกนี้ จะเป็นตัวกำหนด ว่า
* *เขาจะเป็นผู้ได้รับ สวรรค์ หรือ นรก ไม่มีใคร ช่วยใครได้ ไม่มีการกลับชาติมาเกิด
* ถ้าเราไม่เชื่อในเรื่องการฟื้นขึ้นใหม่แล้ว สังคมของเราก็จะสับสนปั่นป่วนวุ่นวาย
* *หาความสงบสุขไม่ได้ ดังเช่น พวก อาหรับ ในยุค ญาฮิลียะฮฺ (ยุคแห่งอวิชาและป่าเถื่อน)
* *ซึ่งเชื่อว่าเมื่อพวกเขาเกิดมาแล้วก็ตายไป คือตายแล้วศูนย์ เหมือนดังสัตว์อื่นๆ
* *ความดี ความชั่ว ที่เขาได้กระทำมานั้น ไม่มีการตอบแทนใดๆทั้งสิ้น
* *ดังนั้น พวกเขาจึงใช้ชีวิตความเป็นอยู่ ไปในทางชั่วช้าทุกรูปแบบ
* *จนสร้างความเสียหายปั่นป่วนให้แก่สังคมเป็นอย่างยิ่ง
6.ศรัทธาในกฎกำหนดสภาวะของพระองค์ คือ
* *ต้องศรัทธา ว่า สรรพสิ่งทั้งหลายในสากลจักรวาลนี้ล้วนเกิดขึ้นมา และ ดำเนินไป
* *ตามกฎเกณฑ์ของอัลลอฮฺ ทั้งสิ้น เช่น ไฟ มีคุณสมบัติ ร้อน น้ำไหลจากที่สูง ลงสู่ที่ต่ำ
* แพะ แกะ วัว ควาย สุนัข ออกลูกเป็นตัว นก เป็ด ไก่ ออกลูกเป็นไข่
* ต้นมะม่วงต้องออกลูกเป็นมะม่วง ต้นกล้วยจะออกลูกเป็น ต้น แอปเปิลไม่ได
* *ทุกๆชีวิตต้องตาย นี่คือ กฎกำหนดสภาวะของอัลลอฮฺ
* *หมายความว่า กฎ ธรรมชาติทั้งหลายนั้น อัลลอฮฺ เป็น ผู้ทรงสร้าง
* * และ ควบคุม มัน ส่วนการกำหนด สภาวะในหลัก จริยธรรม ความดี ความชั่ว นั้น
* *พระองค์จะเป็นผู้บอก เราเองว่า อะไรคือ ดี และอะไรคือ ชั่ว
* *แต่สิ่งที่ใช้วัดความดีความชั่วนั้น ในอิสลาม ถือ ว่ามันไม่ได้มาจาก มติบุคคล หรือ
* *มติของ มหาชน มิได้อาศัย ขนบธรรมเนียมประเพณี หรือ ความนิยม หรือสิ่งแวดล้อม
* *เป็น เครื่อง กำหนด เพราะถ้ามนุษย์เป็น ผู้กำหนดความดี ความชั่วแล้ว
* *มาตรฐานความดีของมนุษย์ก็จะ แตกต่างกัน
* *การที่มนุษย์ ได้กระทำความดี ความชั่วนั้น
* *อัลลอฮฺ ไม่ได้เป็นผู้ลิขิต ชะตาชีวิตของเขา ไว้ล่วงหน้ามาก่อน
* *สิ่งเหล่านี้มันขึ้นอยู่กับการกระทำ หรือ การตัดสินใจของมนุษย์เอง
* เพราะอัลลอฮฺ ได้ให้ความคิด อิสระเสรี แก่เขา ในการที่เขาจะเลือกทางเดินของเขาเอง
* *ดังนั้นเหตุการณ์ต่างๆที่ สับสน วุ่นวาย อยู่ในบ้านเมือง หรือ สังคมนั้น
* *มันเกิดขึ้นจากน้ำมือของมนุษย์ด้วยกันเองทั้งสิ้น มิใช่เกิดขึ้นจาก การกำหนด หรือ
* *การ ลิขิต ของ พระผู้เป็นเจ้า ความจน ความ รวย ความทุกข์ทรมาน
* *ความทุกข์ยาก ความขมขื่น ที่เกิดแก่มนุษย์นั้น ก็เนื่องมาจากผู้ปกครอง
* *ขาดความรับผิดชอบนั่นเอง การที่อัลลอฮฺไม่ได้ เป็นผู้ขีดชะตากรรมของผู้ใดไว้ล่วงหน้า
* *มานั้นก็เพื่อที่จะให้มนุษย์ได้มีความรับผิดชอบในการงานของตนเองที่ได้กระทำไว้
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นได้โดยเลือกไม่ระบุชื่อ หากต้องการระบุก็ พิมพ์ใส่ในกล่องคอมเม้นได้เลบครับ